วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552

http://farm4.stahttp://farm4.static.flickr.com/


http://farm4.static.flickr.com/3343/3216425327_cc0a264c94_s.jpg


http://farm4.static.flickr.com/3519/3216425325_b873044b2b_s.jpg

ช้างไทย

เรียงความ
เรื่อง ช้างไทย
ประเทศไทยเป็นเพียงหนึ่งใน ๑๓ ประเทศในโลกที่เป็นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของช้างเอเซีย ที่เราเรียกว่า “ช้างป่า” และเนื่องจาก คนไทยมีภูมิปัญญาในการจับช้างป่ามาฝึกใช้งานมาช้านาน จึงทำให้ประเทศไทยมีช้างอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ร่วมกับชุมชนคนเลี้ยงช้าง เช่น คนส่วย ทางภาคอีสาน และชนเผ่า (กะเหรี่ยง ขมุ ฯลฯ) ทางภาคเหนือ และภาคตะวันตก เราเรียกช้างกลุ่มนี้ว่า “ช้างบ้าน” หรือ “ช้างเลี้ยง”
ฉันเคยเห็นช้างครั้งแรกเมื่ออายุ 8 ขวบที่สวนสัตว์เชียงใหม่มันชื่อบานิวและยังมีเพื่อนของมันอีกมากมายมันอ้วนและน่ารักมากอาหารโปรดมันคือ อ้อย และ กล้วย ตัวของมันเป็นสีดำ งาของมันเป็นสีขาว และยังเคยเห็นมันมาแสดงที่โรงเรียนใกล้บ้านมันก็ยังน่ารักเหมือนเดิมและมันยังแตะลูกฟุตบอลได้ด้วย วาดรูปได้ด้วยมันฉลาดมาก
ช้างไทยเป็นสัตว์ประจำชาติไทย และเป็นที่สำคัญต่อพระพุทธศาสนา และประเทศไทยยังเคยมี ธงชาติที่ประทับลายช้างเผือกไว้ด้วย ถ้าพูดถึงในสมัยก่อนนั้น ช้างมีความสำคัญมากในด้านการศึก ด้านการทำสงคราม ช้างทำให้ ขุนนางได้เลื่อนยศมามากคนแล้ว และคนไทยเราก็นิยมในช้างเผือก ซึ่งเป็นช้างของกษัตริย์ ซึ่งมีลักษณะสวยงามมาก แต่ว่าหาได้ยากมาก ซึ่งในการศึก ช้างจะเป็นพาหนะของแม่ทัพ ซึ่งจะมีการศึกบนหลังหลังช้าง เรียกว่า ยุทธหัตถี ถือเป็นการสู้ที่มีเกียรติมา
ดังนั้นเราไม่ควรล่าช้างเพื่อเราจะได้รักษาสิ่งแวดล้อมและไว้ให้ลูกหลานเราวันข้างหน้าได้ดูช้างที่อ้วนน่ารัก เตะลูกบอลเก่ง วาดรูปได้และฉลาดน่ารู้

วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

1.ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer virus)
หรือเรียกสั้นๆ ในวงการว่า ไวรัส คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
ในเชิงเทคโนโลยี
ความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้หรือข้อมูลเอกสาร ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์
ในขณะที่ไวรัสโดยทั่วไปนั้นก่อให้เกิดความเสียหาย (เช่น ทำลายข้อมูล) แต่ก็มีหลายชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ก่อให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ไวรัสบางชนิดนั้นจะมีการตั้งเวลาให้ทำงานเฉพาะตามเงื่อนไข เช่น เมื่อถึงวันที่ที่กำหนด หรือเมื่อทำการขยายตัวได้ถึงระดับหนึ่ง ซึ่งไวรัสเหล่านี้จะเรียกว่า บอมบ์ (bomb) หรือระเบิด ระเบิดเวลาจะทำงานเมื่อถึงวันที่ที่กำหนด ส่วนระเบิดเงื่อนไขนั้นจะทำงานเมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีการกระทำเฉพาะซึ่งเป็นตัวจุดชนวน ไม่ว่าจะเป็นไวรัสชนิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีผลเสียที่เกิดจากการแพร่ขยายตัวของไวรัสอย่างไร้การควบคุม ซึ่งจะเป็นการบริโภคทรัพยากรคอมพิวเตอร์อย่างไร้ประโยชน์ หรืออาจจะบริโภคไปเป็นจำนวนมาก
2.ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์

1 บูตไวรัส
บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที
บูตไวรัสจะติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

2 ไฟล์ไวรัส
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น
3มาโครไวรัส
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น

4โทรจัน
ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจันจะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

5หนอน
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น
3.โปรแกรมที่ใช้ในการป้องกันไวรัส (Anti virus)
1) ThreatFire AntiVirus Free Edition 3 โปรแกรมน้องใหม่มาแรงจากค่าย PC Tools ที่กำลังได้รับความนิยมจากทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักทดสอบ ด้วยประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี สามารถตรวจจับไวรัส, หนอนอินเตอร์เน็ต โทรจัน, รูทคิต, สปายแวร์, แอดแวร์, บัฟเฟอร์โอเวอร์โฟว์ และ มัลแวร์ ได้ โดยในโปรแกรมเวอร์ชันฟรีจะติดต่อกับทางผู้ผลิตในกรณีที่เกิดปัญหาผ่านทางอีเมล์เท่านั้น และไม่สามารถอัพเกรดเอนจี้ของโปรแกรมได้
2) PC Tools Antivirus Free Edition จากการโหวตของเว็บไซต์ download.com โปรแกรมนี้น่าจะเป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสฟรีที่น่าสนใจมากในตอนนี้ เพราะสามารถตรวจสอบไวรัสได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงความสามารถในการสแกนไฟล์อินเทอร์เน็ต อีเมล์ มีอินเทอร์เฟซในการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก หากเพิ่มเงิน 29.95 เหรียญสหรัฐฯ คุณสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้รับระบบการอัพเดตข้อมูลไวรัสที่รวดเร็วมากขึ้น
3) Avira AntiVir Personal Edition Classic โปรแกรมสัญลักษณ์ร่มแดงนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งนได้ง่ายและฟรี ซึ่งถูกใจหลายๆ คนมีระบบการป้องกันไวรัสที่ดี อัพเดทข้อมูลไวรัส เอนจี้ และข้อมูลโปรแกรมใหม่ๆ แบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีการมอนิเตอร์ระบบแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่ข้อมูลเริ่มเข้ามาในเครื่อง ใช้เทคโนโลยีการกำจัดไวรัสที่ทันสมัย ไม่กั๊กสำหรับใช้ในเวอร์ชั่นจ่ายตังค์เหมือนค่ายอื่นๆ
4) Avast Home Edition โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ได้รับการรับรองจาก ICSA Lab และ Checkmark แม้ว่าหน้าตาอินเตอร์เฟซจะแปลกๆ คล้ายโปรแกรม Winamp แต่ก็ดูทันสมัยดี สามารถตรวจสอบอีเมล์ เน็ตเวิร์ก ไฟล์ แบบ P2P ละไฟล์วอลล์เล็กๆ แถมให้ด้วย
5) AVG Antivirus Free Edition โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยยอดดาวโหลดใน download.com สูงถึง 61 ล้านครั้ง และได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ มากมาย ด้วยโปนแกรมที่มีขนาดเล็กติดตั้งง่าย ใช้งานไม่ยาก ทำงานได้เร็ว การอัพเดตข้อมูลไวรัสก็รวดเร็วและมรประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี จึงไม่แปลกใจที่โปรแกรมนี้จะได้รับความนิยมมากขนาดนี้
4.วิธีป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ มีหลากหลายวิธี ให้พิจารณาดูความเหมาะสม ดังนี้

1. โดยใช้ Hardware ผสม Software โดยใช้ Card เสียบเข้าไปในเครื่องคอมฯ และใช้โปรแกรมสนับสนุน หรือการ setup ที่ BIOS ใน CPU การใช้ Card ต้องลงทุนสูงสักหน่อย สามารถหาซื้อได้ตามร้านคอมฯ ทั่วไป การติดตั้งง่ายไม่ยุ่งยาก ตอนนี้คงมีรุ่นใหม่ AVC5000 ของ บ. R&D ออกมาจำหน่ายนิยมมากที่สุด เท่าที่ลองใช้ดู ประสิทธิภาพค่อนข้างสูงมาก แต่ก็ต้องคอย Update ข้อมูลไวรัสด้วย ส่วนการ setup ที่ BIOS ถือว่าประสิทธิภาพพอใช้ได้ระดับหนึ่ง

2. โดยใช้ Software หาซื้อหรือ Download ตาม website ต่างๆ ได้เข้าไปติดตั้งในเครื่องคอมฯ และต้อง update ข้อมูลไวรัสสม่ำเสมอด้วย เป็นที่นิยมกันมากเพราะลงทุนน้อยหรือฟรี ต้องมาดูว่าจะมาใช้โปรแกรมอะไรดี ซึ่งมีหลายโปรแกรมด้วยกัน เช่น McAfee (Scan) , Norton (NAV) , ThunderBYTE (TBAV) , Dr.Solomon และ PC-Cillin ท่านสามารถเข้าไป download ตาม website ต่างๆ หรือตามบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมนั้นๆ ซึ่งจะเป็นชุดทดลอง ใช้ฟรีก่อนตัดสินใจซื้อจริง ส่วนประสิทธิภาพถือว่าดีระดับหนึ่ง ให้ผลการป้องกันและฆ่าได้ดี แต่ต้องคอย update ข้อมูลไวรัสสม่ำเสมอจาก website ผู้ผลิต (ดูในหัวข้อ
การ update หรือจะ Download )

3. การป้องกันแบบนี้จะโหดสักหน่อย คือห้ามนำสื่อจากภายนอกเข้ามาใช้ภายในเครื่อง เช่น แผ่น CD , แผ่น diskette หรือจะเป็นเข้าระบบ Network LAN, Intranet หรือ Internet ซึ่งการป้องกันแบบนี้คงจะทำได้ ยากมากๆ

ปัจจุบัน ผู้ใช้คอมฯ ส่วนมากจะใช้แบบที่ 2 กัน โปรแกรมที่นิยมใช้กันมี 2 โปรแกรม คือ McAfee VirusScan และ NAV ครับ เพราะใช้ในส่วนหน่วยความจำค่อนข้างน้อย และมีชื่อเสียงมานาน เชื่อถือได้ค่อนข้างสูง
ในทางปฏิบัติควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หมายความว่า ถ้าจะติดตั้ง Card ป้องกันไวรัส ก็ไม่ต้องติดตั้ง โปรแกรมป้องกันไวรัสในแบบที่ 2 หรือถ้าติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสแล้ว ก็ไม่ต้องซื้อ Card มาติดตั้ง

มาดูเรื่องรายละเอียดถึงการป้องกันเบื้องต้น
1. ให้สังเกตุก่อนเปิดไฟล์ข้อมูล - ปัจจุบันไวรัสมากับ e-mail มากมาย ต้องคอยระวังให้ดี ถ้าไม่แน่ใจให้ลบเมล์นั้น ทิ้งในทันที ห้ามเปิดอ่านโดยเด็ดขาด หรือจะเป็นข้อมูลโปรแกรมใดๆ ถ้าไม่แน่ใจให้ลบออกในทันที เพราะถ้าติดไวรัสเมื่อไหร่ การกำจัดฆ่าจะให้ผลไม่ 100% และโปรแกรมป้องกันไวรัสบางทีก็จะป้องกัน ไม่ได้หรือไม่ทราบ โดยเฉพาะไวรัสชนิดใหม่ๆ ที่ออกมา ห้ามประมาทว่าในเครื่องเรามีการป้องกันไวรัสแล้ว
2. ก่อนนำข้อมูลจากภายนอกเข้ามาใช้ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CD หรือ Diskette ต้องใช้โปรแกรมค้นหาไวรัส เสียก่อน จะได้ทราบว่าในแผ่นนั้นมีไวรัสหรือป่าว
3. ต้องติดตามอ่านข่าวสารเรื่องไวรัสสม่ำเสมอ
4. ควร Update โปรแกรมข้อมูลไวรัสสม่ำเสมอ ซึ่งโดยปกติประมาณเดือนละครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง
(ดูในหัวข้อ
การ update หรือจะ Download )
5. ควรทำการสำรองข้อมูล (Backup) ที่สำคัญเก็บเอาไว้
6. การ download ข้อมูลใน Internet หรือ copy ไฟล์จากที่อื่น ควรต้องระวังอย่างสูง ควรเก็บไว้ที่หนึ่งแยก ไว้ต่างหากและใช้โปรแกรม ทำการค้นหาไวรัสก่อน ที่จะมีการเรียกข้อมูลหรือโปรแกรมนั้นใช้งาน
7. หมั่นตรวจสอบระบบต่างๆ ของเครื่องคอมฯ เช่น หน่วยความจำ การติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ ลงไป อาการแฮงค์ (Hang) ของเครื่องเกิดจากสาเหตุใด บ่อยครั้งหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวก Utilities เพิ่มเติม ในเครื่อง
5.แต่งข้อสอบ 5 ข้อ
1ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ
ตอบ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
2ประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท
ตอบ 1 บูตไวรัส
บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที
บูตไวรัสจะติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

2 ไฟล์ไวรัส
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น

3มาโครไวรัส
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น

4 โทรจัน
ม้าโทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจันจะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

5หนอน
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้งหมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น
3 การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์คือ
ตอบ วิธีป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ มีหลากหลายวิธี ให้พิจารณาดูความเหมาะสม ดังนี้
1. โดยใช้ Hardware ผสม Software โดยใช้ Card เสียบเข้าไปในเครื่องคอมฯ และใช้โปรแกรมสนับสนุน หรือการ setup ที่ BIOS ใน CPU การใช้ Card ต้องลงทุนสูงสักหน่อย สามารถหาซื้อได้ตามร้านคอมฯ ทั่วไป การติดตั้งง่ายไม่ยุ่งยาก ตอนนี้คงมีรุ่นใหม่ AVC5000 ของ บ. R&D ออกมาจำหน่ายนิยมมากที่สุด เท่าที่ลองใช้ดู ประสิทธิภาพค่อนข้างสูงมาก แต่ก็ต้องคอย Update ข้อมูลไวรัสด้วย ส่วนการ setup ที่ BIOS ถือว่าประสิทธิภาพพอใช้ได้ระดับหนึ่ง
2. โดยใช้ Software หาซื้อหรือ Download ตาม website ต่างๆ ได้เข้าไปติดตั้งในเครื่องคอมฯ และต้อง update ข้อมูลไวรัสสม่ำเสมอด้วย เป็นที่นิยมกันมากเพราะลงทุนน้อยหรือฟรี ต้องมาดูว่าจะมาใช้โปรแกรมอะไรดี ซึ่งมีหลายโปรแกรมด้วยกัน เช่น McAfee (Scan) , Norton (NAV) , ThunderBYTE (TBAV) , Dr.Solomon และ PC-Cillin ท่านสามารถเข้าไป download ตาม website ต่างๆ หรือตามบริษัทผู้ผลิตโปรแกรมนั้นๆ ซึ่งจะเป็นชุดทดลอง ใช้ฟรีก่อนตัดสินใจซื้อจริง ส่วนประสิทธิภาพถือว่าดีระดับหนึ่ง ให้ผลการป้องกันและฆ่าได้ดี แต่ต้องคอย update ข้อมูลไวรัสสม่ำเสมอจาก website ผู้ผลิต (ดูในหัวข้อ
การ update หรือจะ Download )
3. การป้องกันแบบนี้จะโหดสักหน่อย คือห้ามนำสื่อจากภายนอกเข้ามาใช้ภายในเครื่อง เช่น แผ่น CD , แผ่น diskette หรือจะเป็นเข้าระบบ Network LAN, Intranet หรือ Internet ซึ่งการป้องกันแบบนี้คงจะทำได้ ยากมากๆ
4.อาการของเครื่องที่ติดไวรัสเป็นอย่างไร
ตอบ สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่§ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน§ ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น§ วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป§ ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ§ เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ§ เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่§ แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย§ ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้§ ไฟล์แสดงสถานะการทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น§ ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป§ เครื่องทำงานช้าลง§ เครื่องบูตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง§ ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ§ เซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่§ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย
5.การป้องกันเบื้องต้นมีวิธีอย่างไร
ตอบ 1. ให้สังเกตุก่อนเปิดไฟล์ข้อมูล - ปัจจุบันไวรัสมากับ e-mail มากมาย ต้องคอยระวังให้ดี ถ้าไม่แน่ใจให้ลบเมล์นั้น ทิ้งในทันที ห้ามเปิดอ่านโดยเด็ดขาด หรือจะเป็นข้อมูลโปรแกรมใดๆ ถ้าไม่แน่ใจให้ลบออกในทันที เพราะถ้าติดไวรัสเมื่อไหร่ การกำจัดฆ่าจะให้ผลไม่ 100% และโปรแกรมป้องกันไวรัสบางทีก็จะป้องกัน ไม่ได้หรือไม่ทราบ โดยเฉพาะไวรัสชนิดใหม่ๆ ที่ออกมา ห้ามประมาทว่าในเครื่องเรามีการป้องกันไวรัสแล้ว
2. ก่อนนำข้อมูลจากภายนอกเข้ามาใช้ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CD หรือ Diskette ต้องใช้โปรแกรมค้นหาไวรัส เสียก่อน จะได้ทราบว่าในแผ่นนั้นมีไวรัสหรือป่าว
3. ต้องติดตามอ่านข่าวสารเรื่องไวรัสสม่ำเสมอ
4. ควร Update โปรแกรมข้อมูลไวรัสสม่ำเสมอ ซึ่งโดยปกติประมาณเดือนละครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง
(ดูในหัวข้อ
การ update หรือจะ Download )
5. ควรทำการสำรองข้อมูล (Backup) ที่สำคัญเก็บเอาไว้
6. การ download ข้อมูลใน Internet หรือ copy ไฟล์จากที่อื่น ควรต้องระวังอย่างสูง ควรเก็บไว้ที่หนึ่งแยก ไว้ต่างหากและใช้โปรแกรม ทำการค้นหาไวรัสก่อน ที่จะมีการเรียกข้อมูลหรือโปรแกรมนั้นใช้งาน
7. หมั่นตรวจสอบระบบต่างๆ ของเครื่องคอมฯ เช่น หน่วยความจำ การติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ ลงไป อาการแฮงค์ (Hang) ของเครื่องเกิดจากสาเหตุใด บ่อยครั้งหรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวก Utilities เพิ่มเติม ในเครื่อง